เด็กแอฟริกาใต้ปลอดจากเอชไอวี หลังได้รับยาต้านไวรัสแต่แรกเกิด

By | มีนาคม 31, 2019

คณะแพทย์จากแอฟริกาใต้พบ เด็กวัย 9 ขวบคนหนึ่งที่ติดเชื้อเอชไอวีจากมารดา และได้รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสแต่เนิ่น ๆ จนร่างกายปลอดจากเชื้อและสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยไม่ต้องรับยามาเป็นเวลา 8 ปีครึ่งแล้ว แพทย์ชี้ว่าข้อมูลที่ได้จากการศึกษาระบบภูมิคุ้มกันของเด็กรายนี้จะช่วยปูทางไปสู่การพัฒนายาหรือวัคซีนชนิดใหม่เพื่อหยุดยั้งเชื้อเอชไอวี

การค้นพบครั้งนี้ได้รับการเปิดเผยในที่ประชุมสมาคมเอดส์สากลครั้งที่ 9 ที่จัดขึ้นในกรุงปารีสของฝรั่งเศส โดยแพทย์ระบุว่า เด็กรายนี้ติดเชื้อเอชไอวีจากมารดาตั้งแต่แรกเกิดในปี 2007 และผลการตรวจพบว่าเด็กมีปริมาณเชื้อไวรัสในเลือดสูง แพทย์จึงให้การรักษาด้วยยาต้านรีโทรไวรัส ซึ่งแม้จะไม่ใช่แนวทางปฏิบัติทางการแพทย์ในแอฟริกาใต้ขณะนั้น แต่เด็กรายนี้ได้รับยาเพราะอยู่ในโครงการทดลองทางคลินิก ที่จะให้ยาต้านไวรัสแก่ทารกติดเชื้อที่อายุตั้งแต่ 9 สัปดาห์เป็นต้นไป

จากการเฝ้าติดตามของแพทย์พบว่า หลังได้รับยาระดับเชื้อเอชไอวีของเด็กคนดังกล่าวเริ่มลดลงจนตรวจไม่พบเชื้อ แพทย์จึงยุติการรักษาหลังจากเด็กได้รับยามาเป็นเวลา 40 สัปดาห์ และพบว่าเด็กไม่กลับมาติดเชื้อไวรัสอีก ซึ่งต่างจากเด็กคนอื่นในโครงการทดลองครั้งนี้

การรักษาด้วยยาต้านรีโทรไวรัส อาศัยการออกฤทธิ์ของยา 3 ชนิดหรือมากกว่า รวมกัน เพื่อยับยั้งเชื้อไวรัสเอชไอวีไม่ให้เจริญเติบโต
Image copyrightSCIENCE PHOTO LIBRARY
คำบรรยายภาพการรักษาด้วยยาต้านรีโทรไวรัส อาศัยการออกฤทธิ์ของยา 3 ชนิดหรือมากกว่า รวมกัน เพื่อยับยั้งเชื้อไวรัสเอชไอวีไม่ให้เจริญเติบโต

แพทย์ระบุว่า การรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยโจมตีเชื้อไวรัสก่อนที่เชื้อจะพัฒนาไปเต็มขั้น ซึ่งกรณีเช่นนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วในเด็ก 2 คน โดยรายหนึ่งเป็นทารกในรัฐมิสซิสซิปปีของสหรัฐฯ ที่ได้รับยาต้านไวรัสหลังจากเกิดได้ 30 ชม. และปลอดจากเชื้อโดยที่ไม่ได้รับยาต้านไวรัสนาน 27 เดือน ก่อนที่แพทย์จะตรวจพบเชื้อในเลือดของเด็กอีกครั้ง ส่วนอีกรายเป็นผู้ป่วยเด็กในฝรั่งเศสที่ได้รับการรักษาแต่เนิ่น ๆ ทำให้ปัจจุบันร่างกายปลอดจากเชื้อเอชไอวีโดยไม่ต้องใช้ยาต้านไวรัสมานานกว่า 11 ปีแล้ว

ดร.เอวี วิโอลารี หัวหน้าทีมกุมารแพทย์ของหน่วยวิจัยเอชไอวีในนครโจฮันเนสเบิร์ก เจ้าของงานวิจัยชิ้นนี้ ระบุว่า การที่เด็กปลอดจากเชื้อเอชไอวีไม่น่าจะเป็นผลมาจากการรักษาด้วยยาต้านรีโทรไวรัสเพียงอย่างเดียว แต่น่าจะมาจากปัจจัยอื่นด้วย “เรายังไม่ทราบแน่ชัดถึงสาเหตุที่เด็กคนนี้ปลอดจากเชื้อเอชไอวี แต่เชื่อว่าน่าจะเป็นเพราะปัจจัยด้านพันธุกรรมหรือระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย” ซึ่งหากไขปริศนาข้อนี้ได้ก็จะช่วยปูทางไปสู่การพัฒนายาหรือวัคซีนเพื่อต่อสู้กับเชื้อเอชไอวีในอนาคต

โดยทั่วไปผู้ที่ติดเชื้อเอชไววีจะต้องกินยาต้านไวรัสเป็นประจำทุกวัน เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อทำลายระบบภูมิคุ้มกันร่างกายซึ่งจะทำให้เกิดโรคเอดส์ อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตว่าแม้แพทย์จะตรวจไม่พบเชื้อเอชไอวีในร่างกายเด็ก แต่กลับตรวจพบเชื้อในเซลล์ของระบบภูมิคุ้มกันของเด็ก ซึ่งผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า เชื้อเอชไอวีสามารถซ่อนอยู่ในเซลล์ดังกล่าว หรือเรียกว่า เชื้อแฝง (latent HIV) ได้เป็นเวลานาน ดังนั้นจึงยังมีความเป็นไปได้ที่เด็กอาจต้องได้รับการรักษาด้วยยาในอนาคต