‘ยูเอ็นเอดส์’ ชี้งานหยุดยั้งเอดส์ก้าวหน้าแต่ยังไม่ทั่วถึง

By | มกราคม 10, 2019

UNAIDS เร่งเร้าประชาคมโลกให้ทำงานต่อไปอย่างเเข็งขันเพื่อหยุดยั้งการระบาดของเอดส์ให้ได้ในปี 2030

นายมิเชล ซิดิเบ้ (Michel Sidibé) ผู้อำนวยการโครงการเอดส์แห่งสหประชาชาติ กล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่า ประชาคมโลกมาถึงจุดกึ่งกลางของการทำงานต่อต้านโรคเอดส์ ซึ่งมีความสำคัญ และทุกฝ่ายควรทบทวนดูว่ามาตรการใดใช้ไม่ได้ผล

โดยเขาย้ำว่า ในกลางปีนี้ถือเป็นการเดินทางมาครึ่งทางที่จะทำงานให้บรรลุตามเป้าหมายในระดับทั่วโลกตามที่ตั้งใจเอาไว้ เป้าหมายดังกล่าวคือการรับมือกับชุมชนหรือสังคมที่มีความบอบบางที่มีความเสี่ยงต่อการระบาดของโรคเอดส์

ตามข้อมูลในปี ค.ศ. 2016 มีคนราว 36 ล้าน 7 เเสนคนทั่วโลกที่เป็นผู้ติดเชื้อเอดส์ และมีคนติดเชื้อรายใหม่เกือบ 2 ล้านคน เเละมีคนเสียชีวิตจากโรคเอดส์ 1 ล้านคน

แต่ก็มีข่าวดีเช่นกัน เพราะมีความสำเร็จในด้านการเพิ่มจำนวนคนที่ติดเชื้อให้ได้รับยาต้านไวรัสเอดส์ โดยเพิ่มไปอยู่ที่เกือบ 21 ล้านคนในปี 2016 ทำให้จำนวนคนเสียชีวิตลดลงไปอีกราว 1 ใน 3 ของจำนวนคนเสียชีวิตจากโรคเอดส์ทั้งหมดทั่วโลก

ผู้อำนวยการบริหารโครงการเอดส์แห่งสหประชาชาติ กล่าวว่า หนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโรคเอดส์ คือการส่งเสริมให้คนเข้ารับการตรวจหาเชื้อเอชไอวี เพื่อให้รู้สถานภาพของตนเองซึ่งจะต้องมีการรณรงค์ให้คนเปลี่ยนแปลงทัศนคติทางสังคม เเละส่งเสริมให้มีการบริการด้านการตรวจหาโรคเอสด์เพิ่มขึ้นอย่างกว้างขวาง

ซิดิเบ้ กล่าวว่า จำเป็นต้องหาทางลดราคาของอุปกรณ์ตรวจหาโรคเอดส์ด้วยต้วเองให้ถูกลง เเละต้องให้บริการอย่างทั่วถึงแก่คนทั้งในระดับชุมชน ครอบครัว เเละคนในทุกพื้นที่ เพื่อให้คนอีกหลายล้านคนรู้ว่าตัวเองติดเชื้อหรือไม่

รายงานชิ้นล่าสุดของสหประชาชาติเกี่ยวกับการต่อต้านโรคเอดส์ พบว่า ในปลายปี 2016 คนที่ติดเชื้อเอชไอวีร้อยละ 70 จะรู้ตัวว่าตนเองติดเชื้อเเละอย่างน้อยร้อยละ 77 ของคนเหล่านี้จะได้รับการบำบัดด้วยยาต้านไวรัสเอดส์

และเมื่อได้รับการบำบัดนี้เเล้ว อย่างน้อยร้อยละ 82 จะมีปริมาณเชื้อไวรัสในกระแสเลือดต่ำมากจนตรวจไม่พบ ซึ่งถึงเเม้ว่าจะไม่ใช่การรักษาให้หายขาดเพราะยังมีเชื้อเอชไอวีในร่างกาย เเต่ก็อยู่ในระดับที่ไม่น่าจะแพร่เชื้อเเก่ผู้อื่นได้

ในขณะที่มีความคืบหน้าที่สำคัญหลายอย่าง ความคืบหน้ายังไม่เกิดขึ้นอย่างทั่วถึง โดยเฉพาะสำหรับผู้หญิงเเละเด็ก นี่เป็นปัญหาที่พบในแอฟริกาทางใต้ของทะเลทรายซาฮาร่าที่มีผู้หญิงอายุ 15 ถึง 24 ปี ถึงร้อยละ 23 ของผู้ติดเชื้อรายใหม่ในปี 2016 เมื่อเทียบกับร้อยละ 11 ของผู้ชายในวัยเดียวกัน

และเพื่อหยุดยั้งการติดเชื้อเอดส์รายใหม่ จำเป็นต้องมีการเพิ่มการบริการแก่ประชากรกลุ่มเสี่ยง รวมทั้งผู้ใช้ยาเสพติดชนิดฉีดเข้าเส้น ผู้ให้บริการทางเพศเเละชายรักเพศเดียวกัน เพื่อเผยเเพร่ความตื่นตัวถึงความสำคัญของการใช้ถุงยางอนามัย เเละการใช้เข็มฉีดยาครั้งเดียวเเล้วทิ้ง

(เรียบเรียงโดยทักษิณา ข่ายแก้ว วีโอเอภาคภาษาไทยกรุงวอชิงตัน)