เราจะทราบได้อย่างไร ว่าเราติดเชื้อ HIV

By | สิงหาคม 17, 2017

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

หลายๆ ท่านที่ใช้ชีวิตสุ่มเสี่ยง เช่น Unsafe sex หรือ สัมผัสน้ำคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อ HIV
อาจกำลังสงสัยว่าตัวท่านเอง หรือคนใกล้ตัวท่าน ติดเชื้อ HIV หรือไม่
หากติดแล้วจะมีอาการยังไง… บันทึกนี้มีคำตอบครับ

 

เอดส์ ติดต่อกันได้อย่างไร

  1. การร่วมเพศ โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัยไม่ว่าชายกับชาย ชายกับหญิง หรือหญิงกับหญิง
    ทั้งช่องทางธรรมชาติ หรือไม่ธรรมชาติ ก็ล้วนมีโอกาสติดโรคนี้ได้ทั้งสิ้น และปัจจัยที่ทำให้มี
    โอกาสติดเชื้อมากขึ้น ได้แก่ การมีแผลเปิด สำนักระบาดวิทยาเปิดเผยว่า ที่ผ่านมา ประมาณร้อยละ
    80 ของผู้ป่วยเอดส์ ได้รับเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์
  2. การรับเชื้อทางเลือด ใช้เข็มหรือกระบอกฉีดยาร่วมกับผู้ติดเชื้อเอดส์ มักพบในกลุ่มผู้ฉีดยาเสพติด
    และหากคนกลุ่มนี้ติดเชื้อก็สามารถถ่ายทอดเชื้อเอดส์ได้
  3. ทารก ติดเชื้อจากแม่ที่ติดเชื้อเอดส์ การแพร่เชื้อจากแม่สู่ลูก ผู้หญิงที่ติดเชื้อเอดส์ หากตั้งครรภ์
    และไม่ได้รับการดูแลอย่างดี เชื้อ HIV จะแพร่ไปยังลูกได้ในอัตราร้อยละ 30

 

 

เอดส์ มีอาการอย่างไร

ระยะที่ 1: ระยะที่ไม่มีอาการอะไร
ภายใน 2 – 3 อาทิตย์แรกหลังจากได้รับเชื้อเอดส์เข้าไป ราวร้อยละ 10 ของผู้ติดเชื้อจะมีอาการคล้ายๆ ไข้หวัด
คือมีไข้ เจ็บคอ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว ต่อมน้ำเหลืองโต ผื่นตามตัว แขน ขาชาหรืออ่อนแรง เป็นอยู่ราว 10 – 14 วันก็จะหายไปเอง
ผู้ป่วยส่วนใหญ่อาจไม่สังเกต นึกว่าคงเป็นไข้หวัดธรรมดาราว 6 – 8 สัปดาห์ภายหลังติดเชื้อ ถ้าตรวจเลือดจะเริ่มพบว่ามีเลือดเอดส์บวกได้
แต่ส่วนใหญ่จะตรวจพบว่ามีเลือดเอดส์บวกภายหลัง 3 เดือนไปแล้ว โดยที่ผู้ติดเชื้อจะไม่มีอาการอะไรเลย
คนที่มีเลือดเอดส์บวกจะมีไวรัสเอดส์อยู่ในตัวและสามารถแพร่โรคให้กับคนอื่นได้
น้อยกว่าร้อยละ 5 ของคนที่ติดเชื้ออาจต้องรอถึง 6 เดือน
กว่าจะมีเลือดเอดส์บวกได้ ดังนั้นคนที่มีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น แอบไปมีสัมพันธ์กับหญิงอื่นที่ไม่ใช่ภรรยา
โดยไม่ได้ใส่ถุงยางอนามัยป้องกัน หากตรวจตอน 3 เดือน แล้วไม่พบ ก็ต้องไปตรวจซ้ำอีกตอน 6 เดือน
โดยในระหว่างนั้นก็ต้องใส่ถุงยางอนามัยทุกครั้งเวลามีเพศสัมพันธ์และห้ามบริจาคโลหิตให้ใคร
ผู้ติดเชื้อบางรายอาจมีต่อมน้ำเหลืองตามตัวโตอยู่เป็นระยะเวลานานๆ คือเป็นเดือนๆ ขึ้นไป
โดยต่อมน้ำเหลืองที่โตนี้มีลักษณะเป็นเม็ดกลมๆ แข็งๆ ขนาด 1 – 2 เซนติเมตร อยู่ใต้ผิวหนังบริเวณด้านข้างคอทั้ง 2 ข้าง
ข้างละหลายเม็ดในแนวเดียวกัน คลำดูแล้วคลายลูกประคำที่คอไม่เจ็บ ไม่แดง นอกจากนี้ยังอาจพบได้ที่รักแร้และขาหนีบทั้ง 2 ข้าง
ต่อมน้ำเหลืองเหล่านี้จะเป็นที่พักพิงในช่วงแรกของไวรัสเอดส์

 

ระยะที่ 2: ระยะที่เริ่มมีอาการหรือระยะที่มีอาการสัมพันธ์กับเอดส์

เป็นระยะที่คนไข้เริ่มมีอาการ แต่อาการนั้นยังไม่มากถึงกับจะเรียกว่าเป็นโรคเอดส์เต็มขั้น อาการในช่วงนี้อาจเป็นไข้เรื้อรัง
น้ำหนักลด หรือท้องเสียงเรื้อรัง โดยไม่ทราบสาเหตุ นอกจากนี้อาจมีเชื้อราในช่องปาก, งูสวัด, เริมในช่องปาก หรืออวัยวะเพศ
ผื่นคันตามแขนขาลำตัวคล้ายคนแพ้น้ำลายยุง แต่ไม่ใช่ว่ามีอาการเหล่านี้จะต้องเหมาว่าติดเชื้อเอดส์ไปทุกราย
ถ้าสงสัยควรปรึกษาแพทย์ และตรวจเลือดพิสูจน์

 

ระยะที่ 3: ระยะโรคเอดส์เต็มขั้น หรือที่ภาษาทางการเรียกว่าโรคเอดส์
เป็นระยะที่ภูมิต้านทานของร่ายกายเสียไปมากแล้ว ผู้ป่วยจะมีอาการของการติดเชื้อจำพวกเชื้อฉกฉวย
และมีโอกาสเป็นมะเร็งบางชนิด การติดเชื้อฉกฉวยโอกาส หมายถึง การติดเชื้อที่ปกติมีความรุนแรงต่ำไม่ก่อโรคในคนปกติ
แต่ถ้าคนนั้นมีภูมิต้านทานต่ำลง เช่น จากการเป็นมะเร็ง วัณโรค ปอดบวม เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ท้องเสียเรื้อรัง
จอตาติดเชื้อทำให้ตาบอด ติดเชื้อที่ผิวหนัง ต่อมน้ำเหลือง ฯ นอกจากนี้คนไข้โรคเอดส์อาจมีอาการทางจิตทางประสาท
อาจมีอาการหลงลืมก่อนวัยอัมพาตครึ่งท่อน ปัสสาวะ อุจจาระไม่ออก เป็นต้น ในแต่ละปีหลังติดเชื้อเอดส์ ร้อยละ 5 – 6 ของผู้ที่ติดเชื้อ
จะก้าวเข้าสู่ระยะเอดส์เต็มขั้น ส่วนใหญ่ของคนที่เป็นโรคเอดส์เต็มขั้นแล้ว จะเสียชีวิตภายใน 2 – 4 ปี
จากโรคติดเชื้อฉกฉวย หรือค่อยๆ ซูบซีดหมดแรงไปในที่สุด

น่ากลัวมากนะครับ ทางที่ดี เมื่อสงสัยควรไปปรึกษาแพทย์และตรวจเลือด จากข้อมูลที่ให้ไว้ คือไปตรวจเลือดหลังจากวันที่คิดว่ารับเชื้อ 3 เดือน และตรวจซ้ำเมื่อครบ 6 เดือน แต่ทางที่ดีที่สุด คือ ใช้ชีวิตไม่ประมาท สิ่งใดที่เสี่ยง ก็อย่าไปทำ
พลาดเป็นเอดส์มาแล้ว ทั้งชีวิตนะครับ และอาจไม่ใช่แค่ชีวิตคุณ … ที่ต้องเสียไป